สิ่งที่ชอบทำเวลาว่าง
Quote from admin on มกราคม 8, 2021, 12:42 pmสิ่งที่ชอบทำเวลาว่าง
สิ่งที่คุณชอบทำในเวลาว่างคืออะไร เชื่อว่าหลายๆคนคงจะมีงานอดิเรกที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความชอบและความสนใจในเรื่องนั้นๆ แต่แปลกที่บางคนใช้เวลาว่าง ไปกับการยุ่งเรื่องของคนอื่น ตัวอย่างที่ฉันจะยกมาให้เห็นในวันนี้ก็คือ เพื่อนร่วมงานของฉันเอง
“นี่ทำงานเสร็จหรือยัง”
“ทำเสร็จแล้ว กำลังจะลงไปกินข้าว”
“ไหนฉันขอดูงานเธอหน่อยสิ”
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ฉันว่างานของเธอมันมีข้อผิดพลาดเยอะเกินไปนะ ถ้าเธอส่งหัวหน้าไปแบบนี้ยังไงเธอก็ต้องโดนแก้แน่นอน ลองกลับไปทำใหม่เถอะเตือนด้วยความหวังดี”
เขาจะชอบมาหาข้อติเตียนฉันตลอดเวลา ในขณะที่ฉันมีคำถามภายในใจตลอดว่าทำไมเขาถึงมีเวลาว่างมากขนาดนั้นที่จะมาให้ความสนใจในข้อผิดพลาดของคนอื่น แล้วข้อผิดพลาดของเขาล่ะ หรือจริงๆแล้วเขาเป็นคนที่เก่งและฉลาดมากเวลาทำอะไรเขาจึงไม่มีข้อผิดพลาด ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็เป็นคนหนึ่งที่ฉันควรจะไปปรึกษาฉันจะได้ทำงานเก่งๆแบบเขา
“ข้อผิดพลาดแค่นี้ไม่น่าเกิดขึ้นเลยนะ เอางานกลับไปแก้ใหม่แล้วรีบส่งให้ทันภายในเย็นนี้”
“ค่ะหัวหน้า”
เขาไม่ใช่แบบที่ฉันคิดเพราะคนที่เพิ่งโดนหัวหน้าติเตียนไปเมื่อกี้ก็คือเขา สรุปแล้วเขาก็เป็นคนธรรมดาคนนึงที่มีข้อผิดพลาดแบบคนอื่น แต่แค่ไม่เคยมีใครมานั่งจับผิดข้อผิดพลาดของเขาแล้วมาติดเตียงเหมือนที่เขาทำกับคนอื่น ฉันคิดมาตลอดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่เก่งเเละฉลาด แต่จริงๆแล้วเขาก็เป็นคนแบบฉัน ไม่ใช่สิ เพราะฉันไม่ใช่คนแบบเขาแน่นอน
“วันนี้เธอมาทำงานสายมากเลยนะ”
“พอดีว่าเกิดอุบัติเหตุกับฉันนิดหน่อย อยู่ดีๆรถมอเตอร์ไซค์จากไหนไม่รู้ขี่ตรงมาหาฉันจนเกือบจะชนฉัน ดีนะที่ฉันหลบทัน ก็เลยไม่ได้เจ็บตัวอะไรมาก”
“จริงหรอ ไม่ใช่ว่านี่เป็นข้ออ้างของคนที่ตื่นสายหรอกนะ”
“เธอพูดแบบนี้หมายความว่าถ้าเธอตื่นสายเธอจะใช้ข้ออ้างแบบนี้หรอ ใครจะทำแบบนั้นก็ช่างแต่ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นแน่นอน”
ฉันไม่เข้าใจว่านี่เป็นงานอดิเรกของเขาหรือเปล่า ทุกครั้งเวลาที่เขาเห็นฉันมีข้อผิดพลาดเขาก็จะคอยเข้ามาติฉัน ว่าฉันเป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้ ฉันไม่ใช่คนที่ไม่รับฟังความคิดเห็นคนอื่น ฉันพร้อมยอมรับคำติคำชมเสมอ แต่บางทีสำหรับเขาฉันก็รู้สึกว่ามัน
มากเกินไปกับเรื่องบางเรื่องที่เขาแทบไม่ฟังเหตุผลอะไรเลยเขาก็ยังสามารถหาคำมาติฉันได้เสมอ นี่คงเป็นงานอดิเรกของเขาสินะ
“รีบไปทำงานเถอะเดี๋ยวหัวหน้ารู้ว่าเธอมาสายเธอจะโดนต่อว่าฉันไม่อยากเห็นใครโดนว่าต่อหน้าคนในออฟฟิศหลายๆคนเพราะฉันอายแทน”
“หรอ แต่ฉันไม่ได้รู้สึกอายแทนเธอเลยนะที่เธอโดนหัวหน้าต่อว่าว่าเธอทำงานไม่มีคุณภาพเมื่อวานนี้”
ฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปที่จะฟังคำพูดของคนแบบนี้ฉันจึงตอบโต้เขาไปและดูว่าเขาน่าจะไม่พอใจกับประโยคที่ฉันพูดออกไปเป็นอย่างมาก เราทั้งสองคนจึงมีปากเสียงกันในเวลานั้น
“นี่เธอว่าฉันหรอ ฉันมีประสบการณ์การทำงานมากกว่าเธอ เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะมาพูดกับฉันแบบนี้”
“มีประสบการณ์ทำงานเยอะหรอ เพราะว่าเธอมีประสบการณ์ทำงานเยอะใช่ไหมเธอก็เลยมีสิทธิ์ติเตียนคนอื่นในทุกๆเรื่องทำเหมือนกับว่าชีวิตของเธอเกิดมาเพื่อติคนอื่น โดยที่เธอก็ไม่ได้ดีไปกว่าใครเลย”
“เธอพูดเกินไปแล้วนะ ถึงยังไงฉันก็เป็นรุ่นพี่ของเธอ เธอควรที่จะให้เกียรติกันบ้าง”
“ฉันจะให้เกียรติเธอก็ต่อเมื่อเธอให้เกียรติฉัน ก่อนหน้านี้เธอติเตียนฉันในหลายๆเรื่องโดยที่เธอไม่ได้ฟังเหตุผลเลย แบบนี้เขาเรียกว่าให้เกียรติหรือเปล่า ฉันสามารถรับฟังความคิดเห็นของเธอได้ถ้าเธอตักเตือนหรือแนะนำฉันแบบดีๆ ฉันก็จะมองว่าเธอเป็นรุ่นพี่ที่ดีคนหนึ่ง แต่การกระทำของเธอที่ทำมาโดยตลอดมันไม่ใช่แบบนี้”
เมื่อทะเลาะกันเสร็จฉันและเพื่อนร่วมงานคนนั้นก็ไม่คุยกันอีกเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ฉันสบายใจมาก ฉันจะสามารถทำงานได้อย่างอิสระโดยที่ไม่มีใครมาคอยตำหนิฉัน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะรับคำตำหนิไม่ได้นะ ฉันจะมองว่าคำตำหนินั้นมีเจตนายังไง ถ้ามีเจตนาเพื่อให้ฉันพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นฉันก็สามารถยอมรับมันได้อยู่แล้ว
“ทำงานดีแล้วนะแต่ว่ายังขาดตรงนี้อีกหน่อย โดยรวมถือว่าโอเค ยังไงก็กลับไปแก้ตรงจุดนี้อีกสักนิดนึงงานน่าจะออกมาสมบูรณ์”
“ได้ค่ะหัวหน้า เดี๋ยวจะรีบจัดการให้นะคะ”
นี่คือตัวอย่างของคำแนะนำที่ฉันประทับใจเป็นอย่างมาก คำพูดที่ฟังแล้วทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจในการทำงานต่อ ฉันรู้สึกสบายใจที่งานของฉันสามารถสร้างความพอใจให้หัวหน้าได้ประมาณนึง แต่ถึงแม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยหัวหน้าก็ให้คำแนะนำฉันแบบที่ไม่ทำให้ฉันท้อเเท้กับตัวเอง คำเเนะนำเหล่านี้แหละที่ฉันอยากได้ในการทำงาน
สำหรับฉัน ฉันรู้สึกว่าคำพูดมีผลต่อความรู้สึกค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นคำพูดแบบไหนก็ตามมันก็จะกระทบกับความรู้สึกเราไปหมดทุกอย่าง หากเราได้ยินคำพูดที่ดีๆเมื่อฟังแล้วเราก็จะรู้สึกใจชื้นและมีกำลังใจ แต่ถ้าหากเราได้ยินคำพูดที่ลดทอนจิตใจเราก็จะยิ่งท้อแท้และหมดกำลังใจไปในที่สุด คำพูดที่ฉันไม่ค่อยอยากได้ยินคือคำพูดที่แสดงออกถึงด้านลบเพียงด้านเดียว อย่างเช่น
คำพูดติเตียนที่เพื่อนร่วมงานของฉันพูดออกมา ฉันรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ไม่สามารถสร้างประโยชน์อะไรได้ มีแต่จะส่งผลเสียต่อความรู้สึก ดังนั้นฉันจึงอยากให้ ช้คำพูดในทางแนะนำเพราะมันน่าจะเป็นอะไรที่ฟังแล้วส่งผลดีมากกว่าผลเสีย
“ฉันขอโทษเธอแล้วกัน ฉันจะพยายามปรับเปลี่ยนคำพูดแล้วก็วิธีคิดใหม่ เพราะตัวฉันเองก็ไม่ชอบเหมือนกันเวลาที่มีคนมาตำหนิติเตียนฉัน”
“ขอบคุณมากนะที่ยอมปรับเปลี่ยนความคิดและวิธีพูดใหม่ ฉันรู้สึกว่าเราจะสามารถอยู่ร่วมกันได้ดีกว่านี้ถ้าหากว่าเราเลือกที่จะรักษาน้ำใจซึ่งกันและกัน ฉันยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเองได้เสมอขอแค่เธอแนะนำมา”
โรงเรียนบ้านสวนผึ้ง
สิ่งที่ชอบทำเวลาว่าง
สิ่งที่คุณชอบทำในเวลาว่างคืออะไร เชื่อว่าหลายๆคนคงจะมีงานอดิเรกที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความชอบและความสนใจในเรื่องนั้นๆ แต่แปลกที่บางคนใช้เวลาว่าง ไปกับการยุ่งเรื่องของคนอื่น ตัวอย่างที่ฉันจะยกมาให้เห็นในวันนี้ก็คือ เพื่อนร่วมงานของฉันเอง
“นี่ทำงานเสร็จหรือยัง”
“ทำเสร็จแล้ว กำลังจะลงไปกินข้าว”
“ไหนฉันขอดูงานเธอหน่อยสิ”
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ฉันว่างานของเธอมันมีข้อผิดพลาดเยอะเกินไปนะ ถ้าเธอส่งหัวหน้าไปแบบนี้ยังไงเธอก็ต้องโดนแก้แน่นอน ลองกลับไปทำใหม่เถอะเตือนด้วยความหวังดี”
เขาจะชอบมาหาข้อติเตียนฉันตลอดเวลา ในขณะที่ฉันมีคำถามภายในใจตลอดว่าทำไมเขาถึงมีเวลาว่างมากขนาดนั้นที่จะมาให้ความสนใจในข้อผิดพลาดของคนอื่น แล้วข้อผิดพลาดของเขาล่ะ หรือจริงๆแล้วเขาเป็นคนที่เก่งและฉลาดมากเวลาทำอะไรเขาจึงไม่มีข้อผิดพลาด ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็เป็นคนหนึ่งที่ฉันควรจะไปปรึกษาฉันจะได้ทำงานเก่งๆแบบเขา
“ข้อผิดพลาดแค่นี้ไม่น่าเกิดขึ้นเลยนะ เอางานกลับไปแก้ใหม่แล้วรีบส่งให้ทันภายในเย็นนี้”
“ค่ะหัวหน้า”
เขาไม่ใช่แบบที่ฉันคิดเพราะคนที่เพิ่งโดนหัวหน้าติเตียนไปเมื่อกี้ก็คือเขา สรุปแล้วเขาก็เป็นคนธรรมดาคนนึงที่มีข้อผิดพลาดแบบคนอื่น แต่แค่ไม่เคยมีใครมานั่งจับผิดข้อผิดพลาดของเขาแล้วมาติดเตียงเหมือนที่เขาทำกับคนอื่น ฉันคิดมาตลอดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่เก่งเเละฉลาด แต่จริงๆแล้วเขาก็เป็นคนแบบฉัน ไม่ใช่สิ เพราะฉันไม่ใช่คนแบบเขาแน่นอน
“วันนี้เธอมาทำงานสายมากเลยนะ”
“พอดีว่าเกิดอุบัติเหตุกับฉันนิดหน่อย อยู่ดีๆรถมอเตอร์ไซค์จากไหนไม่รู้ขี่ตรงมาหาฉันจนเกือบจะชนฉัน ดีนะที่ฉันหลบทัน ก็เลยไม่ได้เจ็บตัวอะไรมาก”
“จริงหรอ ไม่ใช่ว่านี่เป็นข้ออ้างของคนที่ตื่นสายหรอกนะ”
“เธอพูดแบบนี้หมายความว่าถ้าเธอตื่นสายเธอจะใช้ข้ออ้างแบบนี้หรอ ใครจะทำแบบนั้นก็ช่างแต่ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นแน่นอน”
ฉันไม่เข้าใจว่านี่เป็นงานอดิเรกของเขาหรือเปล่า ทุกครั้งเวลาที่เขาเห็นฉันมีข้อผิดพลาดเขาก็จะคอยเข้ามาติฉัน ว่าฉันเป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้ ฉันไม่ใช่คนที่ไม่รับฟังความคิดเห็นคนอื่น ฉันพร้อมยอมรับคำติคำชมเสมอ แต่บางทีสำหรับเขาฉันก็รู้สึกว่ามัน
มากเกินไปกับเรื่องบางเรื่องที่เขาแทบไม่ฟังเหตุผลอะไรเลยเขาก็ยังสามารถหาคำมาติฉันได้เสมอ นี่คงเป็นงานอดิเรกของเขาสินะ
“รีบไปทำงานเถอะเดี๋ยวหัวหน้ารู้ว่าเธอมาสายเธอจะโดนต่อว่าฉันไม่อยากเห็นใครโดนว่าต่อหน้าคนในออฟฟิศหลายๆคนเพราะฉันอายแทน”
“หรอ แต่ฉันไม่ได้รู้สึกอายแทนเธอเลยนะที่เธอโดนหัวหน้าต่อว่าว่าเธอทำงานไม่มีคุณภาพเมื่อวานนี้”
ฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปที่จะฟังคำพูดของคนแบบนี้ฉันจึงตอบโต้เขาไปและดูว่าเขาน่าจะไม่พอใจกับประโยคที่ฉันพูดออกไปเป็นอย่างมาก เราทั้งสองคนจึงมีปากเสียงกันในเวลานั้น
“นี่เธอว่าฉันหรอ ฉันมีประสบการณ์การทำงานมากกว่าเธอ เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะมาพูดกับฉันแบบนี้”
“มีประสบการณ์ทำงานเยอะหรอ เพราะว่าเธอมีประสบการณ์ทำงานเยอะใช่ไหมเธอก็เลยมีสิทธิ์ติเตียนคนอื่นในทุกๆเรื่องทำเหมือนกับว่าชีวิตของเธอเกิดมาเพื่อติคนอื่น โดยที่เธอก็ไม่ได้ดีไปกว่าใครเลย”
“เธอพูดเกินไปแล้วนะ ถึงยังไงฉันก็เป็นรุ่นพี่ของเธอ เธอควรที่จะให้เกียรติกันบ้าง”
“ฉันจะให้เกียรติเธอก็ต่อเมื่อเธอให้เกียรติฉัน ก่อนหน้านี้เธอติเตียนฉันในหลายๆเรื่องโดยที่เธอไม่ได้ฟังเหตุผลเลย แบบนี้เขาเรียกว่าให้เกียรติหรือเปล่า ฉันสามารถรับฟังความคิดเห็นของเธอได้ถ้าเธอตักเตือนหรือแนะนำฉันแบบดีๆ ฉันก็จะมองว่าเธอเป็นรุ่นพี่ที่ดีคนหนึ่ง แต่การกระทำของเธอที่ทำมาโดยตลอดมันไม่ใช่แบบนี้”
เมื่อทะเลาะกันเสร็จฉันและเพื่อนร่วมงานคนนั้นก็ไม่คุยกันอีกเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ฉันสบายใจมาก ฉันจะสามารถทำงานได้อย่างอิสระโดยที่ไม่มีใครมาคอยตำหนิฉัน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะรับคำตำหนิไม่ได้นะ ฉันจะมองว่าคำตำหนินั้นมีเจตนายังไง ถ้ามีเจตนาเพื่อให้ฉันพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นฉันก็สามารถยอมรับมันได้อยู่แล้ว
“ทำงานดีแล้วนะแต่ว่ายังขาดตรงนี้อีกหน่อย โดยรวมถือว่าโอเค ยังไงก็กลับไปแก้ตรงจุดนี้อีกสักนิดนึงงานน่าจะออกมาสมบูรณ์”
“ได้ค่ะหัวหน้า เดี๋ยวจะรีบจัดการให้นะคะ”
นี่คือตัวอย่างของคำแนะนำที่ฉันประทับใจเป็นอย่างมาก คำพูดที่ฟังแล้วทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจในการทำงานต่อ ฉันรู้สึกสบายใจที่งานของฉันสามารถสร้างความพอใจให้หัวหน้าได้ประมาณนึง แต่ถึงแม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยหัวหน้าก็ให้คำแนะนำฉันแบบที่ไม่ทำให้ฉันท้อเเท้กับตัวเอง คำเเนะนำเหล่านี้แหละที่ฉันอยากได้ในการทำงาน
สำหรับฉัน ฉันรู้สึกว่าคำพูดมีผลต่อความรู้สึกค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นคำพูดแบบไหนก็ตามมันก็จะกระทบกับความรู้สึกเราไปหมดทุกอย่าง หากเราได้ยินคำพูดที่ดีๆเมื่อฟังแล้วเราก็จะรู้สึกใจชื้นและมีกำลังใจ แต่ถ้าหากเราได้ยินคำพูดที่ลดทอนจิตใจเราก็จะยิ่งท้อแท้และหมดกำลังใจไปในที่สุด คำพูดที่ฉันไม่ค่อยอยากได้ยินคือคำพูดที่แสดงออกถึงด้านลบเพียงด้านเดียว อย่างเช่น
คำพูดติเตียนที่เพื่อนร่วมงานของฉันพูดออกมา ฉันรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ไม่สามารถสร้างประโยชน์อะไรได้ มีแต่จะส่งผลเสียต่อความรู้สึก ดังนั้นฉันจึงอยากให้ ช้คำพูดในทางแนะนำเพราะมันน่าจะเป็นอะไรที่ฟังแล้วส่งผลดีมากกว่าผลเสีย
“ฉันขอโทษเธอแล้วกัน ฉันจะพยายามปรับเปลี่ยนคำพูดแล้วก็วิธีคิดใหม่ เพราะตัวฉันเองก็ไม่ชอบเหมือนกันเวลาที่มีคนมาตำหนิติเตียนฉัน”
“ขอบคุณมากนะที่ยอมปรับเปลี่ยนความคิดและวิธีพูดใหม่ ฉันรู้สึกว่าเราจะสามารถอยู่ร่วมกันได้ดีกว่านี้ถ้าหากว่าเราเลือกที่จะรักษาน้ำใจซึ่งกันและกัน ฉันยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเองได้เสมอขอแค่เธอแนะนำมา”